Hearthstone หายไปไหน? ทำไมกระแสนิยมหมดจนแทบไม่เหลือ

hearthstone เกม Pay to win เพราะอะไร

ช่วงนี้เกมแนว Strategy หรือแนวที่ต้องใช้การวิเคราะห์ วางแผนเพื่อเอาชนะ แทบจะเหลือแค่แนว MOBA แล้วที่ยังคงโด่งดังและมีการแข่งขันเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เปรียบกับ Hearthstone ที่ดูเหมือนกับจะกลายเป็นเกมยอดแย่ที่หลายคนต่างพากันเบือนหน้าหนี เป็นเรื่องจริงที่สมัยก่อนชื่อเกมนี้มักจะบูมขึ้นมาอยู่เสมอ อาจมีการแข่งขันที่ได้รับความนิยมสูง หรือไม่ก็เป็นเหล่า Pro Player ในประเทศไทยพากันสร้างชื่อเสียงมากมาย จนสามารถดึงคนกลับมาเล่นได้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

hearthstone เกม Pay to win เพราะอะไร
เหตุผลที่ทำให้คนเลิกเล่นเกม hearthstone

เมื่อการพัฒนาเกมที่ควรจะก้าวไปข้างหน้า กลับกลายเป็นการย่ำอยู่กับที่ทำให้เกม Hearthstone ดูไม่ค่อยได้มีการอัปเดตอะไรที่สมควรมากสักเท่าไหร่นัก สมดุลของเกมดูขาด ๆ เกิน ๆ จนผู้เล่นสัมผัสได้ หนักกว่านั้นจากเดิมที่เป็นเกม Free to Play กลับสร้างความรู้สึกแตกต่างอย่างชัดเจนของช่องว่างระหว่าง สายฟรีกับสายเติม จนมีผู้เล่นหลายคนพูดขึ้นมาว่าเกมนี้ได้กลายเป็น Pay for Win ไปเสียแล้ว แต่เหตุผลแท้จริงที่ทำให้หลายคนเลิกเล่นเกมนี้ จนกระแสนิยมเกือบหมดหลอดมันมาจากอะไรกันแน่

การ์ด RNG ที่ดูเหมือนจะมีมากจนเกินไป

อันดับแรกถ้าไม่พูดถึงเลยก็คงไม่ได้ และเราเองก็คิดว่านี่คือปัญหาที่ค่อนข้างชัดเจนอย่างมากของเกม Hearthstone ต่อให้เป็นมือใหม่ที่เล่นมาได้สักระยะ อาจเริ่มสัมผัสถึงปัญหานี้แล้วก็เป็นได้ ยิ่งถ้าใครเล่นมานานจนเข้าใจถึงความเป็นการ์ด Meta ต่าง ๆ คงเข้าใจข้อนี้ดี กับการที่การ์ด RNG หรือ Random Number Generator การ์ดเอฟเฟคแบบสุ่มที่เข้ามาเฉลี่ยให้เกมดูสมดุล กลับกลายเป็นตัวทำลายสมดุลเสียเอง เพราะว่าผลของการ์ด RNG บางใบแทบไม่มีผลเสียอะไรในการใช้งานเลย อีกทั้งการสุ่มของการ์ดบางชนิดก็กว้างมากเกินไปอีกต่างหาก

hearthstone กับการ์ดที่ไม่สมดุล
มีการ์ด RNG ที่โกงเกินไปในเกม hearthstone

ลองคิดดูสิครับว่าจากเดิมที่หน้าที่หลังของการ์ด RNG คือการเฉลี่ยสมดุลระหว่างเกม กลายเป็นการเอื้อเฟื้อเพียงฝ่ายเดียว หรืออาจกลายเป็นเงื่อนไขทำให้เกมชนะไปในพริบตา แบบนี้ความน่าเล่นของ Hearthstone คงหดหายไปเยอะเลยทีเดียว 

Hearthstone กลายเป็นเกม Pay to Win ไปแล้ว

ถัดมาในอันดับ 2 ยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อนักเล่นเกม Hearthstone ต่างเริ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่มันไม่ใช่เกม Free to Play อีกต่อไป แต่มันคือเกม Pay for Win ต่างหาก ให้พูดง่าย ๆ เราจะมาเริ่มต้นที่สายฟรีกันก่อน การที่คุณเล่นแบบไม่เติมเงินเลย จะต้องฟาร์มเงินเพื่อมาเปิดซอง เพียงเท่านี้ก็ยากแล้วจริงไหมครับ กว่าจะหาการ์ดดี ๆ มาเล่นได้แต่ละใบ ต้องเปิดซอง ต้องย่อยการ์ด ต้องหลอมใหม่ ยิ่งใครอยากทำ Budget Deck ที่พอจะสู้กับพวก Meta ได้ สายฟรียิ่งยากขึ้นไปอีกหลายขุม

hearthstone ต้องใช้เงินและเวลามากเกินไป
เพราะ hearthstone ต้องใช้ทั้งเวลาและเงินเพื่อการชนะมากเกินไป

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณถวายเงินให้กับ Hearthstone เพื่อเติมซื้อซอก เอาแพ็คเกจคุ้ม ๆ คุณจะมีทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าใคร สะสมผงจากการย่อยการ์ดเพียงอึดใจ ก็ได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว ในขณะที่สายฟรีหลายคนต้องอดทนเล่นเพื่อสะสมทีละเล็กน้อย ไหนจะต้องมานั่งทำความเข้าใจการ์ดทีละใบ เพื่อจัดเด็คไปตามทรัพยากรที่มี งั้นมันจะไปสนุกอะไรกันถ้าความพยายามของเรา ถูกตบร่วงด้วยคนที่เติมเงินมากกว่า

ความไม่สมดุลที่ดูเหมือนผู้พัฒนาจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่

อันดับสุดท้ายเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนไม่น้อยไปกว่าใครเลย ในด้านของผู้พัฒนาเกม Hearthstone ที่ดูเหมือนจะขาดการ Play Test ไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการปล่อยผ่านการ์ดบางใบให้ออกมาได้อย่างไร้ข้อกังขา จนทำให้บางแพทช์เกิดเด็คที่เก่งจนเกินไป การ์ดที่มีความสามารถสูงมากเกินจำเป็น ซึ่งสุดท้ายก็ต้องมีการเนิร์ฟภายหลัง ทั้งที่มันอาจจะไม่ทันการแล้วก็ได้ หรือไม่อย่างแย่สุดคือ การปั้นการ์ดที่คิดว่าต้องเป็นประโยชน์ในการใช้งานมากมาย แต่พอเอาเข้าจริงกลับไร้ค่า แทบไม่มีความหมายอะไรในการเล่น 

ทีมพัฒนา hearthstone ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่นัก
ทีมพัฒนา hearthstone ดูไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก

ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับเกม Hearthstone ที่ผ่าน ๆ มา แต่หากพูดถึงความสนุกของเกมแล้วเอาจริง ๆ มันเป็นเกมที่ดีมาก ๆ เกมหนึ่ง เพียงแต่อาจขาดความใส่ใจจากผู้พัฒนาไปเท่านั้นเอง 

Back To Top